วันอังคารที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาหารเจ

 อาหารเจ

อาหารเจอาหารเจ

8 ข้อหลักง่าย ๆ กินเจให้ถูกวิธี

                  แล้วกินเจอย่างไรให้ถูกวิธี ไม่ให้อ้วน ไม่ให้ร่างกายขาดสารอาหาร วันนี้ นายสง่า ดามาพงษ์ ผู้จัดการแผนงานโภชนาการเชิงรุก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มีคำแนะนำดี ๆ มาบอกให้ฟังว่า การกินเจถือเป็นเรื่องดี ที่คนหันมากินผักมากกว่า แต่การกินเจใช่เพียงจะมองแต่จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์ แต่ควรมองเรื่องของการถือศีลควบคู่เป็นสำคัญ ส่วนวิธีการกินเจให้ถูกวิธี มีหลักง่าย ๆ 8 ข้อ คือ
1.ต้องมั่นใจว่ารับประทานอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะหมู่โปรตีน ซึ่งโปรตีนที่จะมาทดแทนเนื้อสัตว์คือ โปรตีนที่ได้จากถั่วเมล็ดแห้ง ซึ่งปัจจุบันนี้มีการผลิตออกมาในรูปแบบของเต้าหู้แผ่น น้ำเต้าหู้ เต้าหู้ทอด ขณะที่วิทยาศาสตร์ด้านอาหารก้าวไกลไปมาก จึงทำให้เกิดโปรตีนเกษตรที่ปัจจุบันนี้ ก็มีผู้นิยมบริโภคจำนวนมากเช่นกัน แต่จากที่ตนได้ลงสำรวจในตลาดพบว่า ปัจจุบันนี้มีการทำเลียนแบบเนื้อสัตว์ แต่ไม่ได้ทำมาจากโปรตีนเกษตร โดยทำมาจากแป้ง ซึ่งก็อาจส่งผลให้ผู้บริโภคที่ไม่รู้ทานมากไปอาจอ้วนได้

          2.ความสะอาด ส่วนมากผู้ทานเจในปัจจุบันจะมักนิยมไปซื้ออาหารเจตามร้านค้า ไม่ค่อยปรุงอาหารเอง ซึ่งก็เสี่ยงต่อเรื่องของความสะอาด ดังนั้นผู้ปรุงอาหารเจขายควรคำนึงเรื่องของความสะอาดให้มาก โดยเฉพาะการทำความสะอาดผักที่นำมาประกอบอาหาร การเลือกดูเครื่องปรุงรส ไม่ว่าจะเป็นซอส ซีอิ๊ว ต้องดูวันหมดอายุ และผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นต้น
3.หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ในที่นี้หมายถึงรสมันจัดกับเค็มจัด เพราะอาหารเจมักจะปรุงด้วยวิธีการผัด-ทอดในน้ำมัน หากเป็นไปได้ควรหันมาบริโภคอาหารประเภทต้ม ย่าง อบ ยำ เช่น ยำมะเขือยาว แกงจืดเต้าหู้ ฯลฯ แทน

          ส่วนรสเค็มจัดนั้น ต้องอย่าลืมว่าการปรุงอาหารก็จะใช้ซอส ซีอิ๊ว เกลือแทนน้ำปลา ซึ่งเครื่องปรุงเหล่านี้มีปริมาณของโซเดียมสูง ซึ่งจะส่งผลให้ไตทำงานหนัก โดยปกติคนเราจะบริโภคโซเดียมไม่เกิน 2,000 mg./วัน

          4.ควรเลือกทานผัก-ผลไม้สด มากกว่าผักดอง เพราะผักสดมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าผักดอง

          5.อาหารเจประเภทที่ปรุงด้วยวิธีการเคี่ยวนาน ๆ อาจทำให้คุณค่าของสารอาหารสูญเสียไป เช่น ต้มจับฉ่าย ที่ต้องใช้เวลาเคี่ยวนาน ในส่วนนี้ต้องระวังเรื่องของคุณค่าอาหารจะหายไป รวมถึงความสะอาดของผัก เพราะหากไม่ล้างให้สะอาดแล้วนำมาปรุง ก็เท่ากับสารพิษก็จะตกค้างอยู่ในหม้อ

          6.ทานเจให้ได้ไอโอดีนอย่างเพียงพอ เพราะการทานเจไม่ได้รับประทานอาหารทะเล ดังนั้นการรับประทานอาหารเจ ก็ควรเติมเกลือไอโอดีนใส่ในการปรุงรสด้วยก็จะช่วยทดแทนได้

          7.ควรบริโภคข้าวกล้องมากกว่าข้าวขาว เพราะในข้าวกล้องมีวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีนมากกว่าข้าวขาว

          8.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม แล้วหันมาดื่มน้ำเปล่าบริสุทธิ์แทน


วันจันทร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาหารสมุนไพร

อาหารสมุนไพร



              สมุนไพรที่ให้ประโยชน์เป็นทั้งอาหารและยารักษาโรค ในแง่ของอาหาร สมุนไพรดังกล่าวสามารถนำมาปรุงเป็นอาหารที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกายในการดำรงชีวิต เนื่องจากมีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายอยู่ สารดังกล่าวได้แก่ คาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน เกลือแร่ กรดอินทรีย์ ไวตามินและน้ำย่อย สารเหล่านี้ล้วนมีอยู่ในพืชแล้วทั้งสิ้น อาหารสมุนไพรอาจอยู่ในรูปของธัญญาหารและถั่วต่างๆ ผักผลไม้ เครื่องเทศ และเครื่องดื่มที่เตรียมมาจากสมุนไพร ในแง่ของยารักษาโรค อาหารสมุนไพรที่ใช้ขนาดที่พอเหมาะจะรักษาโรคได้ เช่นดอกอ่อนและยอดขี้เหล็กใช้แกงเป็นอาหาร ในขณะเดียวกันก็เป็นยาเจริญอาหาร และช่วยระบายด้วย กระเทียมเป็นเครื่องเทศที่ใช้แต่งกลิ่นอาหาร และออกฤทธิ์เป็นยาขับลม ขับปัสสาวะ ขับเสมหะ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ตลอดจนมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิดได้ ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งที่ได้จากอาหารสมุนไพร คือ เส้นใยซึ่งเป็นเซลลูโลสในพืชจะทำให้ผู้บริโภคขับถ่ายได้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น

อาหาร Fast Food

อาหาร Fast Food

           อาหารจานด่วน ( Fast Food ) คือ อาหารที่หาง่าย ปรุงเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว หรือทันเวลาพอดี ( just in time ) พร้อมทานได้ทันที เพราะเป็นอาหารที่ทำง่ายหรือทำเตรียมไว้แล้วเป็นส่วนใหญ่ ราคาไม่แพง อาจจะมีประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการครบหรือไม่ครบบ้างแตกต่างกันไปตามแต่ละชนิด

          จั๊งค์ฟู้ด (Junk Food) ถือว่าเป็นส่วนย่อยของอาหาร Fast Food อีกทีหนึ่ง แต่จะเป็นอาหารที่ไม่ค่อยมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น เบอร์เกอร์ ไก่ทอด มันฝรั่งทอด ฮอทดอก พิซซ่า โดนัท น้ำอัดลม ลูกอม ขนมขบเคี้ยว ที่ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปด้วย แป้ง ไขมัน น้ำตาล เกลือ ไม่ค่อยมีวิตามินและใยอาหาร

สิ่งที่พบในอาหาร Fast Food
          ไขมันอิ่มตัว (Saturated Fats) : อาหารประเภททอด เช่น ไก่ทอด มันฝรั่งทอด มักจะใช้น้ำมันที่มีไขมันอิ่มตัวทอด เนื่องจากว่ามีราคาที่ค่อนข้างถูกนั่นเอง แถมยังสามารถทนต่อความร้อนหรืออุณหภูมิสูงในน้ำมันทอดได้ดีอีกด้วย การทานอาหาร Junk Food เราจะได้รับไขมันมากกว่าที่ร่างกายต้องการสำหรับ 1 มื้อ ถ้ากินบ่อยเกินไปอาจมีระดับโคเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้นด้วย

          เกลือ (Salt;Sodium) : โดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราต้องการเพียงเล็กน้อยใน 1 วัน แต่อาหารประเภท Junk Food จะมีปริมาณโซเดียมเป็นส่วนผสมในสัดส่วนที่สูงมาก ถ้ารับประทานเข้าไปในปริมาณมาก ก็จะทำให้ความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคหัวใจอีกด้วย ปริมาณโซเดียมที่มากที่สุดต่อ 1 วันที่คนเราต้องการนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 2,500 มก.
          น้ำตาล (Sugar) : น้ำอัดลม นั้นจะมีระดับน้ำตาลในปริมาณสูงมาก การที่เราบริโภคเข้าไปในปริมาณมากย่อมส่งผลเสียโดยตรงต่อการเพิ่มขึ้นของน้ำหนักตัว อาจทำให้เกิดโรคอ้วน เบาหวาน นอกจากนี้ยังเป็นต้นเหตุของการเกิดฟันผุอีกด้วย
ปัจจุบันพบว่าคนในเมืองใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วนขึ้น ด้วยเพราะสิ่งแวดล้อม สังคม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พฤติกรรมการบริโภคที่นิยมอาหารจานด่วนเป็นสาเหตุสำคัญของโรคถึงร้อยละ 85 (ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 15 มาจากกรรมพันธุ์) ซึ่งได้แก่ภาวะโรคอ้วน มะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่ต่ำลง เนื่องมาจากภาวะที่ร่างกายมีไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลสูง

            ปัจจุบันพบว่าคนในเมืองใหญ่มีพฤติกรรมการบริโภคอาหารจานด่วนขึ้น ด้วยเพราะสิ่งแวดล้อม สังคม วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พฤติกรรมการบริโภคที่นิยมอาหารจานด่วนเป็นสาเหตุสำคัญของโรคถึงร้อยละ 85 (ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 15 มาจากกรรมพันธุ์) ซึ่งได้แก่ภาวะโรคอ้วน มะเร็งลำไส้ใหญ่ รวมไปถึงประสิทธิภาพการทำงานของสมองที่ต่ำลง เนื่องมาจากภาวะที่ร่างกายมีไตรกลีเซอไรด์ และคอเลสเตอรอลสูง

อาหารไทยภาคเหนือ

อาหารไทยภาคเหนือ

          อาหารของภาคเหนือประกอบด้วยข้าวเหนียว น้ำพริกชนิดต่างๆ เป็นต้นว่า น้ำพริกหนุ่ม น้ำพริกอ่อง ประเภทแกงเช่น แกงฮังเล อาหารพื้นเมืองอื่นๆ เช่น แหนม ไส้อั่ว
แคบหมูและผักต่างๆ นิยมรับประทานอาหารรสกลางๆ มีรสเค็มนำเล็กน้อย รสเปรี้ยวและหวานมีน้อยมาก นิยมทาน เนื้อหมู เพราะหาได้ง่ายราคาไม่แพง
สำหรับอาหารทะเลนิยมน้อยเพราะราคาแพง เนื่องจากอยู่ห่างไกลทะเล

                     

อาหารไทยภาคใต้

อาหารไทยภาคใต้

          อาหารของภาคใต้จะมีรสเผ็ดมากกว่าภาคอื่นๆ แกงที่มีชื่อเสียงของภาคใต้ คือ แกงไตปลา แกงเหลือง เครื่องจิ้มก็คือ น้ำบูดู และชาวใต้ยังนิยมนำน้ำบูดูมาคลุกข้าว
เรียกว่า "ข้าวยำ" มีรสเค็มนำและมีผักสดหลายชนิดประกอบ อาหารทะเลสดของภาคใต้มีมากมาย ฝักสะตอนั้นขาดไม่ได้สำหรับอาหารภาคใต้ ทาใช้ทั้งเม็ดที่อยู่ด้านในของฝัก
นำมาหั่น ปรุงอาหารโดยใช้ผัดกับเนื้อสัตว์หรือใส่ในแกง นอกจากนี้ยังใช้ต้มกะทิรวมกับผักอื่นๆ หรือใช้เผาทั้งเปลือกให้สุกแล้วแกะเม็ดออกรับประทานกับน้ำพริกหรือจะใช้สดๆ
โดยไม่ต้องเผาก็ได้ ถ้าต้องการเก็บไว้นานๆ ควรดองเก็บไว้ หรือแช่แข็งก็ได้

              

อาหารไทยภาคกลาง

อาหารไทยภาคกลาง 

            อาหารที่ชาวภาภกลางชอบรับประทานจนเป็นประเพณี มีรูปลักษณะ รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นแตกต่างไปจากอาหารท้องถิ่นภาคอื่นๆของไทย
            อาหารท้องถิ่นภาคกลาง นอกจากเป็นที่นิยมของชาวไทยภาคกลางแล้ว ชนต่างถิ่นที่มาเยือนรวมถึงชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบเพราะรสฃาติอร่อย ให้คุณค่าอาหารสูงมีธาตุและสารอาหารจากเครื่องปรุง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมุนไพรและเครื่องเทศที่ให้สรรพคุณเป็นยาป้องกันและบำบัดโรค

 


ลักษณะของอาหารท้องถิ่นไทยภาคกลาง
๑. รสชาติ อาหารท้องถิ่นไทยภาคกลาง โดยทั่วไปมีสามรส เปรี้ยว เค็ม หวาน บางชนิดมีเผ็ด มัน ขม เมื่อปรุงเสร็จจะได้รสกลมกล่อม
๒.รูปร่างลักษณะของอาหารภาคกลาง เป็นภาคที่อุดมสมบูรณ์ ประชาการจะอยู่อย่างมีความสุข กอปรกับภาคกลางเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง ในวังหลวงมีการประดิษฐ์ประดอย จัดแต่งอาหารและวัสดุที่ประกอบอาหารสวยงาม เมื่อปรุงเสร็จอาหารก็จะน่ารับประทาน
๓. กลิ่นและสี อาหารท้องถิ่นไทยภาคกลาง กลิ่นนั้นจะหอมน่ารับประทาน เช่น แกงเผ็ด แกงส้ม ก็จะหอมกลิ่นพริกเป็นหอมฉุน ถ้าเป็นขนมก็กลิ่นจะหอมหวาน

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาหารไทยภาคอีสาน

อาหารไทยภาคอีสาน




  





อาหารภาคอีสาน  (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ)   มีรสชาติเด่น 
คือ  รสเค็มจากน้ำปลาร้า รสเผ็ดจากพริกสด พริกแห้ง รสเปรี้ยวจาก
ผักพื้นบ้าน  เช่น  มะขาม  มะกอก  

 
           อาหารส่วนใหญ่มีลักษณะแห้ง ข้น มีน้ำขลุกขลิก แต่ไม่ชอบ
ใส่กะทิ   คนอีสานใช้ปลาร้าเป็นเครื่องปรุงอาหารแทบทุกชนิด  เช่น
ซุปหน่อไม้  อ่อม  หมก  น้ำพริกต่างๆ  รวมทั้งส้มตำ

 
           อาหารอีสานที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย    ได้แก่    ปลาร้าบ้อง
อุดมด้วยพืชสมุนไพร    เช่น    ข่า   ตะไคร้   หอมแดง    กระเทียม
ใบมะกรูด    มะขามเปียก    หรืออย่างแกงอ่อม     ที่เน้นการใช้ผัก
หลายชนิดตามฤดูกาลเป็นหลัก รสชาติของแกงอ่อมจึงออกรสหวาน
ของผักต่างๆ รสเผ็ดของพริก กลิ่นหอมของเครื่องเทศและผักชีลาว
หรืออย่างต้มแซบ   ที่มีน้ำแกงอันอุดมด้วยรสชาติและกลิ่นหอมของ
ของเครื่องเทศและผักสมุนไพรเช่นกัน

 
           คนอีสานจะรับประทานข้าวเหนียวเป็นอาหารหลัก และโดยทั่วไป
จะนึ่งข้าวเหนียวด้วยหวด   หวด  คือภาชนะที่เป็นรูปกรวย  ทำด้วยไม้ไผ่
ซึ่งจะต้องใช้คู่กับหม้อทรงกระบอก

อาหารเสริมบำรุงเซ็กส์

อาหารบำรุงเซ็กส์

ความแข็งแรงของอวัยวะเพศและร่างกายจำเป็นต้องได้รับการออกกำลังกาย การพักผ่อน และอาหารที่มีคุณภาพ คนทั่วไปที่รับประทานอาหารได มักจะไม่จำเป็นต้องเสริมอาหารหรือวิตามิน แต่สำหรับผู้ที่เลือกรับประทานอาหาร หรือรับประทานอาหารซ้ำๆกัน ไม่มีความหลากหลายของอาหาร หรือไม่รับประทานผักและผลไม้ หรือผู้ที่เจ็บป่วยอาจจะได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ก็อาจจะทำให้เกิดการขาดสารอาหารบางชนิด ที่มีความจำเป็นสำหรับความแข็งแรงของร่างกายและองคชาติ สารอาหารซึ่งจำเป็นได้แก่


Vitamin C
วิตามินซีจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปอวัยวะเพศเพิ่มขึ้น โดยการที่ทำให้หลอดเลือดขยายตัวได้ดี และยังทำให้ตัวเชื้อ Sperm แข็งแรงและวิตามินซียังป้องกันไม่ให้เชื้อ sperm จับกันเป็นกลุ่ม ขนาดที่แนะนำ 500-1000 มก/วัน คลิกอ่านที่นี่
Chromium
การขาดวิตามินนี้จะทำให้ความต้องการทางเพศลดลง และปริมาณเชื้อ Sperm ก็ลดลง นอกจากนั้นก็ยังมีรายงานว่าป้องกันโรคเบาหวานได้ด้วย การให้ Chromium จะป้องกันโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาล ทำให้ป้องการอาการเสื่อมทางเพศเนื่องจากโรคเบาหวาน ขนาดที่แนะนำ 50-200ไมโครกรัม/วัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานยา อ่านที่นี่
ธาตุสังกะสี Zinc
สังกะสีมีบทบาทสำคัญในเรื่องสุขภาพเพศชาย ช่วยในการสร้าง Sperm การสร้างฮอร์โมนเพศชาย และการทำงานของต่อมลูกหมาก การขาดธาตุสังกะสีจะทำให้เป็นหมันเนื่องจากเชื้อน้อย เกิดโรคกามตายด้าน Impotence และน้ำจากต่อมลูกมากลดลง ขนาดที่แนะนำ 30 มก./วัน อ่านที่นี่
L-arginine
L-arginine เป็นกรด amino acid ที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ได้เอง และก็พบได้ในอาหารหลายชนิด การได้รับสารชนิดนี้จะช่วยในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ เนื่องจากสารนี้เป็นสารตั้งต้นของการผลิต Nitric oxide  Nitric oxide จะเพิ่มเลือดให้ไปอวัยวะเพศเพิ่มขึ้นโดยการขยายหลอดเลือดที่อวัยวะเพศทำให้มีการแข็งตัวดีขึ้น และอวัยวะเพศมีขนาดใหญ่ขึ้น ขนาดที่แนะนำ 3-6 มก./วัน รับประทาน 2-6 สัปดาห์จึงจะเห็นผล ควรจะรับประทานก่อนการร่วมเพศ ครึ่งชั่วโมง
ใบแปะก๊วย Ginkgo biola
เราทราบกันดีว่าใบแป๊ะก๊วยจะขยายเส้นเลือดสมองทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองมากขึ้น ป้องกันสมองเสื่อม เรานำคุณสมบัติของการขยายเส้นเลือดมาใช้พบว่านอกจากจะขยายเส้นเลือดสมองแล้วใบแป๊ะก๊วยจะขยายเส้นเลือดที่ไปเลี้ยง มือ เท้า และอวัยวะเพศ และยังทำให้เส้นเลือดขยายตัวรับเลือดได้มากขึ้น มีการทดลองใช้กับผู้ชายพบว่าหลัง 6 สัปดาห์การแข็งตัวของอวัยวะเพศดีขึ้น ขนาดที่แนะนำ 80 มก./วันละ 3 ครั้ง
โสม Ginseng
โสมเป็นเครื่องดื่มที่นิยมทั้งในประเทศจีน เกาหลี เป็นอาหารบำรุงฮ่องเต้มาตั้งแต่อดีต โสมจะช่วยเพิ่มกรด Nitric oxide ในอวัยวะเพศทำให้เลือดไปเลี้ยงเพิ่มขึ้น ทำให้มีการแข็งตัวดีขึ้น โสมยังกระตุ้นให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนเพศชายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ส่วนประกอบบางชนิดในโสมจะมีลักษณะเหมือนฮอร์โมนเพศเพศชาย จึงไม่แปลกใจที่โสมเป็นอาหารที่บำรุงทางเพศ ขนาดที่แนะนำ 100-300 มก.วันละ 2 ครั้งไม่แนะนำในคนที่เป็นความดันโลหิตสูง
มีการศึกษาพบว่าการใช้โสมสามารถช่วยผู้ป่วยกามตายด้านได้ถึงร้อยละ 67%หลังจากรับประทานโสม 1 สัปดาห์ดังนั้นอาจจะกล่าวได้ว่าโสมช่วยเพิ่มพลังร่างกาย กระตุ้นความต้องการทางเพศ เพิ่มการไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศ เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย
ยาเม็ดเพิ่มขนาด
หากท่านเป็นนักท่องเวปโดยเฉพาะเวปเกี่ยวกับเรื่องเพศท่านจะพบกับโฆษณายาเม็ดเพิ่มเพิ่มขนาด หรือยาเม็ดเพื่อความอดทนได้ผล 100% ส่วนประกอบของยาเม็ดเหล่านี้ประกอบไปด้วยวิตามินดังกล่าวข้างต้นแล้วยังมีสมุนไพรหลายชนิด สมุนไพรที่นิยมใส่มากที่สุดคือ Yohimbe โดยมีการทดลองในสัตว์พบว่ายานี้จะเพิ่มการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิตสูง และการไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศทำให้อวัยวะเพศแข็งมากขึ้น ใหญ่มากขึ้น แต่การที่จะให้มีขนาดเพื่อขึ้น ร่างกายต้องแข็งแรงโดยการออกกำลังกาย รับประทานอาหารสุขภาพ งดสุรา บุหรี่

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อาหารสำหรับคุณแม่

7 สุดยอดสารอาหารที่คุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรพลาด

             รู้ไหมคะว่าช่วงตั้งครรภ์คุณแม่อาจต้องลดอาการตามใจปากตัวเองลงสักหน่อย ไม่ทานอาหารที่อยากทานแต่ไม่มีคุณค่าเสียเลย ทางที่ดีควรเลือกทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ เพราะนี่คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาสมองและสติปัญญาของเจ้าตัวเล็กกันเลยค่ะ โดยเฉพาะกรดไขมันจำเป็นอย่างดีเอชเอซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของสมองถึง 60%


1. อาหารที่มี DHA ปลาทะเล สาหร่ายทะเลบางชนิด และน้ำมันสกัดจากผลิตภัณฑ์ทางทะเล
DHA ดีอย่างไร :
DHA เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว มีบทบาทสำคัญต่อพัฒนาการและการทำงานของสมองและจอประสาทตาของลูกน้อยในครรภ์ค่ะ เนื่องจากสมองมี DHA เป็นส่วนประกอบมากถึง 15 – 20% และลูกน้อยก็จะเริ่มสะสม DHA ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ระยะ 3 เดือนสุดท้ายจนถึง 18 เดือนหลังคลอด นอกจากนั้นลูกน้อยในครรภ์และช่วงแรกเกิดจะมีความสามารถในการนำกรดไขมันโอเมก้า 3 (เป็นสารตั้งต้นของ DHA) ไปใช้ได้ค่อนข้างจำกัดจึงจำเป็นต้องได้รับจากคุณแม่ผ่านทางรกและจากนมแม่แทน ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกทานอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างเพียงพอเพื่อพัฒนาการที่ดีของลูกน้อยนะคะ โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์และ 3 เดือนแรกของการให้นมลูกค่ะ

2. อาหารที่มีโคลีน ไข่แดง นมถั่วเหลือง ดอกกะหล่ำ และธัญพืชต่างๆโคลีนดีอย่างไร : โคลีนเป็นส่วนประกอบสำคัญของเยื่อหุ้มเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ รวมถึงสารสื่อประสาทที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเซลล์ประสาทด้วยกันค่ะ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการเรียนรู้และความจำให้กับเจ้าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นคุณแม่ควรทานอาหารที่มีโคลีนอย่างเพียงพอนะคะ ตามที่สถาบันทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา (US Institute of Medicine) ได้กำหนดปริมาณโคลีนที่ไว้ดังนี้ค่ะ คุณแม่ตั้งครรภ์ควรได้รับโคลีน 450 มิลลิกรัม/วัน ส่วนคุณแม่ที่ให้นมลูกควรได้รับโคลีน 550 มิลลิกรัม/วัน ค่ะ

3. อาหารที่มีโฟเลต ถั่วลันเตา คะน้า กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก หน่อไม้ฝรั่ง และบร็อกโคลี 
โฟเลตดีอย่างไร :
ช่วยพัฒนาเซลล์สมองและระบบประสาทของลูกน้อยให้สมบูรณ์ ป้องกันความผิดปกติของสมองและไขสันหลัง เมื่อคุณแม่เริ่มตั้งครรภ์แล้วควรได้รับโฟเลตอย่างเพียงพอนะคะ เพราะการขาดโฟเลตอาจจะทำให้มีกระบวนการสร้างระบบประสาทของลูกผิดปกติได้ค่ะ

4. อาหารที่มีแคลเซียม นม กุ้งแห้ง ปลาตัวเล็ก เต้าหู้ ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ผักโขม และยอดแค 
แคลเซียมดีอย่างไร :
แคลเซียม นอกจากจะช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันของทารกให้ แข็งแรงแล้วยังช่วยให้การส่งสัญญาณของระบบประสาททำงานได้ถูกต้อง คุณแม่ควรได้รับ แคลเซียมอย่างเพียงพอนะคะ เพื่อให้ลูกน้อยนำไปใช้ในการสร้างกระดูกและฟัน

5. อาหารที่มีธาตุเหล็ก เนื้อปลา ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ใบขี้เหล็ก ใบตำลึง 
ธาตุเหล็กดีอย่างไร :
ธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง มีบทบาทในการนำพาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย และยังช่วยพัฒนาสติปัญญาและการเรียนรู้ด้วย

6. อาหารที่มีโปรตีน เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง นม และไข่
โปรตีนดีอย่างไร :
โปรตีนมีหน้าที่สำคัญต่อโครงสร้างและกิจกรรมภายในเซลล์ของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตเลยนะคะ ร่างกายคนเราไม่สามารถขาดโปรตีนได้เลย โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ค่ะ เพราะต้องนำโปรตีนไปใช้ในการสร้างเนื้อเยื่อของลูกน้อยในครรภ์ให้สมบูรณ์ที่สุดนะคะ

7. อาหารที่มีวิตามินต่างๆ นมสด ไข่แดง ปลา ผักใบเขียว เครื่องในสัตว์ ผลไม้สีเหลือง ผลไม้รสเปรี้ยว
วิตามินดีอย่างไร :
เสริมสร้างร่างกายคุณแม่ให้แข็งแรง ปรับสมดุลฮอร์โมนในร่างกายให้ทำงานประสานกันได้ดี ช่วยบำรุงประสาท และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อยในครรภ์ให้แข็งแรงค่ะ

ถ้าคุณแม่คนไหนที่รู้สึกว่าต้องให้คุณลูกในท้องได้รับสารอาหารหลายอย่างแบบนี้ อาหารที่เตรียมไว้แต่ละวันจะเพียงพอหรือเปล่าล่ะก็ ไม่ต้องเครียดไปเลยนะคะ เพราะคุณแม่สมัยใหม่อย่างเราๆ ก็มีนมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ให้ทานโดยเฉพาะอยู่แล้วค่ะ เป็นนมที่เลือกแต่สารอาหารที่จำเป็นและมีประโยชน์ทั้งคุณแม่อย่างเราและเจ้าตัวเล็กในปริมาณที่เพียงพอ เรียกว่าทั้งสะดวก ปลอดภัย ใช้เวลาไม่นาน แต่ช่วยให้เจ้าตัวเล็กในท้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการเติบโตได้เป็นอย่างดีด้วยค่ะ

อาหารเด็ก

10 เมนูอาหารเด็กๆ รับปิดเทอมจ้า ทำง่ายๆ ไม่เกิน 10 นาที

การมีลูกเป็นสิ่งดีมาก ที่ทำให้เราต้องฝึกตัวเอง ทำอะไรที่ไม่เคยทำ แต่ต้องทำ อย่างอาหารทุกครั้งที่เค้ากินแล้วมันหมดหลังจากที่ได้ลองผิด ลองถูก ทำอาหารเช้าให้เด็กๆมาหลายเมนู ก็เลยคิดว่าจะรวบรวมสูตรซะหน่อย อย่างน้อยตัวเองจะได้วนมาใช้ แล้วก็จะได้เผื่อให้เพื่อนๆ ที่ทำอาหารเช้าให้ลูก ได้ลองดูเมนู เผื่อจะมีประโยชน์นะจ้ะ…
1. ปลานึ่งเต้าเจียว — อันนี้ทำบ่อยมาก แต่เด็กไม่เคยเบื่อ กินหมดตลอดดด

ส่วนประกอบ : ปลาดอรี่แล่ / ขิงซอย /เห็ดหอม /น้ำซุป /ซีอิ๊วขาว /เต้าเจี้ยว
วิธีทำ
1. ล้างปลา และ ส่วนประกอบที่ใช้ให้สะอาด
2. เอาขิงซอยมาวางแผ่ไว้ใต้จาน ใส่ซุปลงไป วางปลา และ เห็ดหอมซอยบางให้ทั่ว
3. ใส่ซีอิ๊ว และ เต้าเจียวโรยหน้าพอประมาณ
4. นึ่งประมาณ 8-10 นาที จนเนื้อปลาขาว
หมายเหตุ : ถ้าชอบเผ็ดหน่อยก้ใส่ขิงเยอะๆนะคะ น้ำซุบอันนี้ช่วยไล่ลม ทำให้หายใจโล่ง หอมน้ำขิงจ้ะ

2. สปาเกตตี้คาโบนาร่า — อันนี้หัดมะวาน แต่เป็นเมนูเดียวที่ขอกินซ้ำอิกรอบตอนเย็น

ส่วนประกอบ : เส้นสปาเกตตี้แบบแบน / วิปครีมแบบครีม / พาร์เมซานชีสผง / พริกไทยดำ / ไข่แดง / หน่อไม้ฝรั่ง / หัวหอมซอยเต๋า / เบคอนแผ่น
วิธีทำ
1. ผสมครีมก่อน ใช้วิปครีม กะ ไข่แดง เติมเกลือนิดนึงผสมให้เข้ากัน
2. ต้มเส้นสปาเกตตี้ประมาณ 8-10 นาที อย่าสุกมาก เด๋วต้องเอาไปผัดต่อเด๋วเละ
3. ผัดหน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม และ เบคอนแผ่น (ถ้าเบคอนมันเยอะ ไม่ต้องใส่น้ำมันเพิ่มนะจ้ะ) ทอดพอหอมๆ ใส่ครีมลงไป ใช้ไฟอ่อนมากๆนะ เด๋วไข่จับตัวเป้นก้อนไม่อร่อย คนๆสักพัก
4. ใส่เส้นสปาเกตตี้ลงไปคลุก เติมเกลือ พาร์เมซานชีส และ พริกไทยดำ

3. ต้มยำเห็ดสามชนิด
ส่วนประกอบ :เห็ดฟาง/ เห็ดภูฐาน / เห็ดออรินจิ /มะนาว / ข่า / ตะไคร้ / ใบมะกรูด / มะเขือเทศ
วิธีทำ
1. ต้มซุปก่อน ใส่เครื่องต้มยำลงไปเรยจ้า ข่า ตะไคร้บุบพอประมาณ ใบมะกรูดทั้งใบ
2. พอเริ่มหอมก็ใส่เห็ดได้เรย แล้วก้อใส่มะเขือเทศบากก้นนิดนึง ปรุงเกลือ น่ำปลา น้ำตาลตามใจชอบ มะนาวปรุงตอนยกลงค่ะจะได้หอมๆ ง่ายเนอะ
 หมายเหตุ : กินคู่กะไข่เจียว หรือ ปลากรอบจะเวิร์คมาก


4. ไข่ต้มสองฟอง (555 เอามาโชว์ทำไม)
ส่วนประกอบ : ไข่ไก่ 2 ฟอง ส้มจิ้มเซ็ตสวนสัตว์
1. ต้มไข่ 12 นาที อิอิ
2. เอามาหั่นๆ แล้วก็ปักส้อมสวนสัตว์
3. เหยาะแมกกี้หรือเกลือ
4. พรึ่บ…หมด
หมายเหตุ : กินอย่างเดียวไม่มีข้าวจ้า
5. ผัดตำลึงหมูสับ
ส่วนประกอบ : กระเทียม / หมูสับ / ตำลึง / ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล
1. ทอดกระเทียมก่อนเรยยย พอกะลังหอมก็เอาหมูลงไปรวนๆ ใส่ซีอิ้วขาว
2. เอาตำลึงใส่ลงไปผัด ถ้าชอบน้ำเยอะใส่น้ำลงไปหน่อย จะใส่เต้าเจี้ยวแบบผัดผักบุ้งก็ได้่นะคะ แต่เอมี่ไม่ได้ใส่ อิอิ
3. ชิมรสตาม(ลูก)ชอบ
หมายเหตุ : กินกับข้าวสวยจ้า อาจมีหมูหวานฝอยไว้เป็นเครื่องเคียง


6. สปาเกตตี้ซอสแดงใส่หมูสับ


ส่วนประกอบ : เส้นสปาเกตตี้ / กระเทียม / หมูสับ / หัวหอม / มะเขือเทศ / แครอท ข้าวโพก ถั่วลันเตา สำเร็จรูป /ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล
1. ทอดกระเทียมก่อนเรยยย พอกะลังหอมก็เอาหมูลงไปรวนๆ ใส่ซีอิ้วขาว
2. เอาผักลงใส่ลงไปผัด ใส่ซอสมะเขือเทศ ซีอิ๊ว น้ำตาล เติมน้ำนิดนึง อย่าเยอะ เพราะเด๋วน้ำผักจะออกมาอิกจ้ะ
3. จะคลุก หรือ แยกกะเส้นสปาเกตตี้ก็ได้จ้า
หมายเหตุ : กินกับเส้นหมี่ขาวก็อร่อยนะจ้ะ
7. ข้าวผัดกุนเชียง
ส่วนประกอบ : ข้าวสวย / คะน้า / กุนเชียง / แครอท ข้าวโพก ถั่วลันเตา สำเร็จรูป /ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล
1. ทอดกระเทียมก่อนเรยยย พอกะลังหอมก็เอากุนเชียง กะผักลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่ซีอิ้วขาว และน้ำตาล อาจใส่เยอะนิดนะคะ เด๋วพอลงข้าวแล้วมันจะถูกดูดไป
2. เอาข้าวใส่ลงไปผัดได้เรย คลุกจนเข้ากัน ปรุงรสตามเหมาะสม
หมายเหตุ : ใส่ลูกเกดลงไปหน่อยจะอร่อยมากกกก

8. หมูสับสามสี
ส่วนประกอบ : หมูสับ / แครอท ข้าวโพก ถั่วลันเตา สำเร็จรูป /หอมใหญ่ /ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล
1. ทอดกระเทียมแล้วใส่หมูสับ ผัดรวมกะผักได้เรยค่ะ
2. ปรุงซอสมะเขือเทศ และ ซีอิ๊วขาว น้ำตาลได้เรย
หมายเหตุ : ราดบนไข่ดาวทำเป็น ไข่ระเบิดอร่อยๆสุด แต่ไข่ดาวต้องกรอบๆนะ รับรองเริ่ดดด

9. ข้าวต้มกุ้ง

ส่วนประกอบ : กุ้ง/ แครอท ข้าวโพก ถั่วลันเตา สำเร็จรูป /เห็ดหอม /ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล / กระเทียมเจียว / ข้าวสวย
1. ต้มซุปจนเดือด เอากุ้งไปลวกก่อน แล้วยกขึ้น
2. ต้มข้าว กะ ผักและเห็ด ปรุงรสตามชอบใจ
3. พอจะทาน ก็เอากุ้งใส่จ้ะ จะได้กุ้งกรอบๆ 
หมายเหตุ : โรยหอมเจียวด้านบนก็อร่อยนะจ้ะ
10. หน่อไม้ฝรั่งผัดเบคอน
ส่วนประกอบ : เบคอน/ หน่อไม้ฝรั่ง /หัวหอม /ซีอิ๊วขาว / น้ำตาล / มะเขือเทศ
1. ผัดเบคอนกะกระเทียมจนพอสุก
2. ใส่หน่อไม้ฝรั่ง หัวหอม มะเขือเทศ ลงไปผัดให้เข้ากัน ใส่น้ำนิดนึง
3. ปรุงรสตามชอบ ใส่น้ำตาล ซีอิ๊วขาว หรือ เกลือได้เรย

หมายเหตุ :  กินกะข้าวสวยร้อนๆ กะ หมูฝอย หรือปลากรอบนะจ้ะ อร่อยยย
เย๊…ครบ 10 เมนูง่ายๆ ถึงง่ายมากกกก แล้ว ส่วนใหญ่ที่บ้านไม่ค่อยมีไรมาก ก็จะมีซุปใสของซีพี ผักสำเร็จ เนื้อหมู เนื่อไก่
แล้วแต่อะไรว่ามีอะไรอยู่ที่บ้าน ส่วนผักที่ติดบ้านไว้จะมีมะเขือเทศ หัวหอม เพราะเด็กๆชอบทาน และสามารถใช้ทำอาหารได้หลายแบบเลย
วันนี้ไปก่อน เด๋วรอบหน้ามีไรเด็ดๆจะมานำเหนอใหม่นะจ้ะ



อาหารประเภทน้ำพริก

 

น้ำพริกถูกคิดค้นและผลิตขึ้นมาจากความต้องการอนุรักษ์ให้น้ำพริก ที่ถือได้ว่าเป็นอาหารประจำชาติแต่โบราณ ที่ถูกคิดค้น มาจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ ปู่ย่า ตายาย ของเราคนไทยให้ยังคงอยู่คู่กับคนไทยสืบต่อไป

น้ำพริกปูม้าเมนูน้ำพริกๆที่สามารถเรียกความสนใจของคนไทยได้เป็นอย่างดีก็บอกแล้วอย่างไรกันละค่ะว่าคนไทยนั้นเกิดมาพร้อมกับน้ำพริกเลยก็ว่าได้ ด้วยความที่ชีวิตของคนไทยนั้นตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเรียบง่าย
น้ำพริกถั่วเหลือง
น้ำพริกถั่วเหลือง เป็นกับข้าวที่อยู่คู่กับคนไทยมานานตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว น้ำพริกถือว่าเป็นอาหารที่มีรสชาติที่จัดจ้านพอสมควร ซึ่งรสเผ็ดที่สามารถเรียกน้ำตาของผู้ที่รับประทานได้เป็นอย่างดี กากถั่วเหลือง ตามที่รู้จักกัน ซึ่งผู้ผลิตนมถั่วเหลืองหรือเต้าหู้ เต้าฮวย ต่างเข้าใจว่าส่วนเนื้อนี้เป็นกากไม่มีประโยชน์แล้ว จึงนำไปทิ้งหรืออย่างมากนำไปเลี้ยงสัตว์ แต่เมื่อนำไปวิเคราะห์สารอาหารที่เหลืออยู่ พบว่ายังมีพลังงาน โปรตีน ไขมัน และฟอสฟอรัส เหลืออยู่ประมาณครึ่งหนึ่ง ส่วนคาร์โบไฮเดรต โพแทสเซียม และใยอาหารมีเหลืออยู่มากกว่าครึ่งเสียอีก สารอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายคนเรา เนื้อถั่วเหลืองส่วนนี้ยังไม่ควรเป็นกากอย่างที่เข้าใจกัน เวลาทำน้ำเต้าหู้แล้วจะมีเนื้อถั่วเหลืองเหลืองอยู่ เราจะคั่วให้แห้งแล้วเก็บใส่ขวดไว้หรือไม่ก็นึ่งให้สุกแล้วเอามาทำอาหารขนมอื่นๆได้อีกหลายอย่าง ตัวอย่างวันนี้ทำเป็นน้ำพริกเผา ทำแล้วเก็บใส่ขวดไว้ทานได้หลายวัน
ในที่นี้เราจะเรียกกากถั่วเหลืองที่ได้จากทำน้ำเต้าหู้ว่าเนื้อถั่วเหลือง

เมี่ยงปลาทู
เมี่ยงปลาทู

เมี่ยงปลาทูเมนูอาหารนี้ต้องขอบอกเลยนะคะว่าผู้เขียนเองนั้นก็เพิ่งที่จะรู้จักเขามาเมื่อไม่ได้นานนี่เอง และที่ผู้เขียนได้ทำความรู้จักกับเขาก็ที่จังหวัดๆหนึ่งทางภาคเหนือค่ะ เพราะว่าเมี่ยงปลาทูนั้นเป็นอาหารของคนทางภาคเหนือเขาละค่ะ และเรื่องของรสชาตินี่ยิ่งไม่ต้องกังวลเลยละค่ะ จากการที่ผู้เขียนได้ลองลิ้มชิมรสชาติของมันแล้วติดใจอย่างรุนแรงเลยทีเดียว เพราะว่ารสชาติของมันนั้นอร่อยมากๆเลยทีเดียวค่ะ รสชาติที่มีครบรสทั้ง เผ็ด เปรี้ยว หวาน รวมกันได้อย่างลงตัวและกลมกล่อม ซึ่งส่วนผสมนั้นก็สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าหรือตลาดสดทั่วไป และเรื่องของวิธีการทำเมี่ยงปลาทูนั้นก็ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดง่ายแสนง่ายอีกต่างหาก แต่ว่ามันจะมีอะไรบ้างนั้นต้องตามไปดูคะ

อาหารเพื่อสุขภาพ

ลูทีน บำรุงสายตาสาวออฟฟิศ

ลูกทีน บำรุงสายตาสาวออฟฟิศ

 ทำงานนาน ๆ ปวดตาล่ะสิ? ลองแก้ไขปัญหาด้วย "ลูทีน" กันไหม นี่คือสารแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่ง ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และยังช่วยบำรุงสายตาของคุณอีกด้วย

          โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Disease Prevention and Treatment ชี้ว่า การกินอาหารที่มีลูทีนสูง หรือกินอาหารเสริม จะช่วยให้สายตาดีขึ้น แม้ในคนที่สายตาปกติก็อาจจะพบว่า สายตาเฉียบกว่าเดิม เห็นสีชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว เชื่อว่า ซีแซนทิน สารแคโรทีนอยด์อีกชนิดที่มาคู่กับลูทีนนั้นจะช่วยทำหน้าที่เป็นเหมือนฟิล์มกรองรังสี UVB และอนุมูลอิสระที่อาจเป็นอันตรายกับดวงตาด้วย 
เชอร์รี่-บลูเบอร์รี่ นี่ล่ะ...สุดยอดผลไม้ชะลอวัย

เชอร์รี่-บลูเบอร์รี่ นี่ล่ะ...สุดยอดผลไม้ชะลอวัย
       ขึ้นชื่อว่าผลไม้ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ไทยหรือผลไม้นอก กินแล้วย่อมได้ประโยชน์อย่างแน่นอน เพียงแต่ผลไม้ไทยที่มีมากจนเลือกรับประทานกันไม่หวาดไม่ไหวนั้น มักออกผลผลิตมาพร้อม ๆ กัน ทำให้ช่วงเวลาที่เหลือไม่ใคร่มีผลไม้ให้ชิมกัน นอกจากผลไม้ทุกฤดูกาลอย่างแตงโม สับปะรด และมะละกอ
   
          ขอเพิ่มทางเลือกให้กับผู้รักสุขภาพที่ชื่นชอบการทานผลไม้สด ด้วยผลไม้เมืองหนาวปลอดสารพิษที่มากล้นด้วยสารต้านอนุมูลอิสระอย่าง "เชอร์รี่" และ "บลูเบอร์รี่" และแม้ว่าราคาจะแพงไปสักนิดเพราะเป็นของอิมพอร์ต แต่คุณประโยชน์ที่ปรากฏก็น่าสนใจให้ลิ้มลองไม่น้อย

    ชาผลไม้ บำรุงร่างกาย สูตรทำเองก็ได้...ง่ายดี
ชาผลไม้ บำรุงร่างกาย สูตรทำเองก็ได้...ง่ายดี

          ลองหยิบยืมวัฒนธรรมอันคลาสสิคของชาวเมืองผู้ดีมาใช้ นั่นคือ การจิบชา แต่เราอาจดัดแปลงสูตรชาให้ดีกับสุขภาพมากขึ้น โดยใช้ความหวานธรรมชาติของผลไม้แทนน้ำตาล และเลือกผลไม้ที่มีคุณสมบัติเหมาะในการบำบัดโรค จึงเป็นเรื่องดีที่เราควรหันมาลองทำน้ำชาในสูตรของตัวเองใช้จิบเพื่อบำรุงร่างกายที่ดีกว่าการกินยาปฏิชีวนะ และด้วยวิธีทำชาผลไม้ที่ง่าย ขั้นตอนการเตรียมไม่มาก อาจให้คุณรู้สึกสนุกกับการทำเครื่องดื่มบำรุงร่างกายไว้ดื่มเองในครอบครัว

  กินผักออกกำลัง ต้านมะเร็ง 4 หมื่นชนิด

  กินผักออกกำลัง ต้านมะเร็ง 4 หมื่นชนิด


 งานวิจัยใหม่ในออสเตรเลียพบว่า เพียงแค่ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ก็สามารถต้านมะเร็งได้ถึง 25% แล้ว

          ทั้งนี้ งานวิจัยที่จัดทำโดยวารสารเมดิคัลเจอร์นัลออฟออสเตรเลีย ระบุว่า ในปี พ.ศ.2568 จะมีชาวออสเตรเลียป่วยเป็นโรคมะเร็ง 170,000 รายในแต่ละปี สูงขึ้นกว่าอัตราป่วยเป็นโรคมะเร็งในปี 2550 ถึง 60% พร้อมกับเผยอีกว่า อัตราการเกิดโรคมะเร็งมีปัจจัยที่สำคัญมาจากการโภชนาการ การออกกำลังกาย และภาวะโรคอ้วน ซึ่งเพียงแค่รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็ช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ 43,000 ชนิด แทนที่จะต้องสูญเสียเงินทุนในการรักษาถึงปีละ 674 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

          รายงานยังระบุด้วยว่า มะเร็งลำไส้เป็นมะเร็งที่สามารถป้องกันได้ง่ายที่สุด ตามมาด้วยมะเร็งทรวงอก มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งช่องปาก และมะเร็งกล่องเสียง   
 สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด
สุดยอด 5 ผลไม้บำรุงเลือด

 "ผลไม้ช่วยดูแลผิวพรรณ" ประโยชน์ของผลไม้อาจไม่ใช่เพียงบำรุงผิวพรรณ แต่ยังช่วยบำรุงเนื้อเยื่อและเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเราให้แข็งแรงอีกด้วย ซึ่งความจริงแล้วอาหารหมวดผลไม้ก็สามารถให้สารอาหารหลัก เช่น โปรตีน ธาตุเหล็ก รวมถึงกรดอะมิโนจำเป็นต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกับอาหารในหมวดข้าว แป้ง และไขมัน สำหรับ Fruitful Tips ฉบับนี้ขอเน้นผลไม้ที่ดีต่อเซลล์เม็ดเลือดแดงของเรา ซึ่งเป็นปัจจัยภายในที่ทำให้สาว ๆ ดูเปล่งปลั่งจากภายในสู่ภายนอก
 1.ทับทิม 

          ผลการวิจัยในสหรัฐพบว่า ทับทิมสามารถรักษาผู้ป่วยเบาหวานได้ด้วยคุณสมบัติช่วยกักเก็บเซลล์เม็ดเลือด แดง โดยให้ผู้ป่วยเบาหวานจำนวน 10 คนดื่มน้ำทับทิมคั้นสดวันละ 1 แก้ว (6 ออนซ์) เป็นเวลา 3 เดือน ผลคือร่างกายมีระดับอินซูลินในกระแสเลือดลดลง ระบบไหลเวียนโลหิตเป็นปกติขึ้น อาการมึนงง อ่อนเพลีย และผมร่วงลดลง อีกทั้งผิวพรรณก็สดใสขึ้นกว่าเดิม
 2.แก้วมังกร

          อุดมด้วยโปรตีนจึงช่วยเติมร่องรอยผิวให้ดูเรียบตึง ผลการวิจัยพบว่า แก้วมังกรเนื้อแดงดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต และมีธาตุเหล็กอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับการสร้างเซลล์เม็ดเลือด นอกจากนี้ไฟเบอร์ในผลแก้วมังกรยังช่วยฟื้นฟูความแข็งแรงบริเวณช่องคลอด บรรเทาอาการตกขาวที่ผิดปกติ (มีสีเหลืองปนหนอง ปนเลือดและมีกลิ่นเหม็น)
 3.สตรอว์เบอร์รี่

          ด้วยคุณสมบัติของวิตามินซีที่อุดมอยู่ในผลสตรอว์เบอร์รี ช่วยบำรุงเซลล์เม็ดเลือดแดง เมล็ดเล็ก ๆ ที่อยู่ในเนื้อสตรอว์เบอร์รีช่วยลำเลียงออกซิเจนในกระบวนการขจัดเลือดเสีย จากผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Chemistry พบว่าอาสาสมัครผู้บริโภคสตรอว์เบอร์รีสดทุกวันประมาณ 2 ถ้วยตวงติดต่อกันนาน 1 เดือน มีผลการตรวจเลือดพบว่าเซลล์เม็ดเลือดแดงเพิ่มขึ้นอย่างเป็นปกติมากขึ้นคือ 4, 8, 12, 16 เซลล์จึงส่งผลให้ผิวพรรณภายนอกดูเรียบเนียนเปล่งปลั่งขึ้น
 4.กล้วย

          ด้วยคุณสมบัติของแร่ธาตุแมกนีเซียมที่อุดมอยู่ในกล้วย ช่วยบำรุงผิวที่ขาวซีดให้กลับมาเปล่งปลั่งดูมีเลือดฝาด จากผลการวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน American Journal of Epidemiology เผยว่าการบริโภคกล้วยเป็นประจำทุกวันส่งผลต่อสุขภาพเลือดคือ ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคลูคีเมีย (มะเร็งเม็ดเลือดขาว) โดยเฉพาะในเด็กช่วงอายุ 0-2 ปี

 5.แตงโม

          จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยเนราดาในสหรัฐเผยว่า หากบริโภคแตงโมเพียงครึ่งผลต่อวันดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต เพราะกรดอะมิโนอาร์จีโนน์ (Arginine) ที่ร่างกายเปลี่ยนให้เป็นสารในตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ทำให้เลือดสมบูรณ์ขึ้นถึงร้อยละ 22 จึงช่วยป้องกันภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย และภาวะหลอดเลือดแข็งตัว

อาหารลดน้ำหนัก

  วิธีลดน้ำหนักที่ใช้ส่วนใหญ่มักมี สูตรอาหารลดน้ำหนัก บ้างก็เป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ แต่บางวิธีก็ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่าปลอดภัย และมีประสิทธิภาพหรือไม่ ในบรรดาวิธีต่างๆ ที่ใช้ควบคุมความอ้วน วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งรวมถึง การปรับเปลี่ยนการกินอาหารนับเป็นวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด การทำอาหารรับประทานเองก็เป็น  สูตรอาหารลดน้ำหนัก ที่ดี วิธีใช้ยาดูเหมือนว่าตอนแรกจะลดน้ำหนักได้เร็ว แต่ในระยะยาวแล้ว สู้วิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไม่ได้เพราะคุมความผอมไว้ได้นานกว่า  การใช้ ยาลดความอ้วน ในการ ลดน้ำหนัก ดูจะเป็นวิธีที่อันตราย ควรจะอยู่ในการควบคุมของแพทย์ การใช้สูตรอาหารลดน้ำหนักนั้นในการปรับเปลี่ยนอาหารเริ่มจาก การให้ความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับสารอาหาร พลังงานจากอาหารและชนิดของอาหารต่างๆ จุดประสงค์เพื่อให้สามารถเลือกรับประทานอาหารได้เหมาะสม สามารถคิดปริมาณพลังงานจากสารอาหารได้ และรู้หลักของ การจัดอาหารให้สมดุล


วันที่ 1อาหารเช้า........ฝรั่ง กล้วยน้ำว้า โยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.........น้ำมะละกอปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อยผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มปลากับหน่อไม้ฝรั่งสีเขียว
น้ำผลไม้..........ปั่นมะละกอครึ่งผลกับน้ำส้มคั้น 50 มิลลิกรัมและโยเกิร์ต 100 กรัม
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวไก่

วันที่ 2
อาหารเช้า..........ไข่เจียวใส่หอมซอย ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้........กล้วยน้ำว้า 1 ผล และสับปะรด 1 ชิ้น
อาหารกลางวัน.........แกงจืดวุ้นเส้น ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม...........น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น...........แกงเผ็ดเนื้อ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 3อาหารเช้า.........กล้วย มะละกอ และโยเกิร์ต
ผลไม้......สับปะรด
อาหารกลางวัน........ต้มยำกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......กล้วย 1 ผล
อาหารเย็น..........ผัดผักรวมมิตร ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 4
อาหารเช้า.....ไข่เจียวกับพริกหวาน (ไข่หนึ่งฟอง) ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้.....ฝรั่งและกล้วยน้ำว้าอย่างละ 1 ผล
อาหารกลางวัน........ข้าวต้มหมู
เครื่องดื่ม.....น้ำมะละกอปั่นผสมน้ำส้มและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น.........ผัดผักเปรี้ยวหวานกุ้ง ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 5
อาหารเช้า......กล้วยน้ำว้า มะละกอ และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม.......น้ำฝรั่ง 1 แก้ว
อาหารกลางวัน..........แกงจืดวุ้นเส้นใส่ผัก ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้..........มะม่วง 1 ผล
อาหารเย็น..........แกงเผ็ดไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี

วันที่ 6อาหารเช้า........ไข่เจียวกับมะเขือเทศ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
ผลไม้......สับปะรด ฝรั่ง
อาหารกลางวัน............ข้าวต้มกุ้ง
เครื่องดื่ม........น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารเย็น..........ก๋วยเตี๋ยวผัดซีอิ๋ว

วันที่ 7
อาหารเช้า......สับปะรด กล้วยน้ำว้า และโยเกิร์ต
เครื่องดื่ม...น้ำมะม่วงปั่นผสมกับน้ำส้มคั้นและขิงเล็กน้อย ผสมน้ำลงไปเจือจาง
อาหารกลางวัน.........แกงป่าไก่ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี
เครื่องดื่ม......น้ำสับปะรดปั่น
อาหารเย็น.......ผัดผักใส่เต้าหู้ ข้าวซ้อมมือ 1 ทัพพี


อาหารวันนี้


วันนี้เป็นร้านอาหารที่เชียงใหม่ครับ  ร้านนี้เป็นร้านที่ดังมากๆ เพื่อนผมทุกคนต่างบอกว่า  "ถ้ามีโอกาสได้มาเชียงใหม่แล้วละก็ห้ามพลาดร้านนี้ด้วยประการทั้งปวง" ในเมื่อได้ยินแบบนี้แล้ว มีหรอครับที่ผู้ชายเจ้าชู้ชวนชิมจะพลาด
6.jpg picture by ultrataro
อ๋องทิพย์รส
7.jpg picture by ultrataro